Dixie Dixon

ช่างภาพ/ผู้กำกับภาพโฆษณา

Dixie Dixon

Dixie Dixon มักได้แรงบันดาลใจจากความท้าทายที่เปี่ยมเสน่ห์ มหัศจรรย์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะในการถ่ายภาพแฟชั่น เธอเกิดและเติบโตในเท็กซัส แต่งานของเธอได้พาเธอท่องไปทั่วโลก ในฐานะหนึ่งใน 16 แอมบาสเดอร์แบรนด์ Nikon ของสหรัฐฯ Dixie ได้ใช้เวลาช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในการนำวิสัยทัศน์ด้านงานครีเอทีฟของเธอมาปรับใช้ในงานของแบรนด์ชั้นนำ เอเจนซี่โฆษณา และลูกค้าในวงการแฟชั่น/การพาณิชย์ เช่น Nikon, Disney, Virgin, Florsheim Shoes, Rock & Roll Denim, Marriott และอื่นๆ อีกมาก ในปี 2021 Dixie ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในบรรดาช่างภาพแฟชั่นชั้นนำทั่วโลกโดย One Eyeland Awards

เชื่อมต่อกับ Dixie Dixon

“ฉันมักได้แรงบันดาลใจจากความท้าทายที่เปี่ยมเสน่ห์ มหัศจรรย์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะในการถ่ายภาพแฟชั่น”

สร้างชื่อจากการถ่ายภาพ

ทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 6 โมงเช้า Dixie Dixon สาวผมบลอนด์ขี้อายมักจะปรากฏตัวในสนามของโรงเรียน พร้อมด้วยกล้องฟิล์ม Nikon FG ในมือเพื่อถ่ายภาพทีมกีฬา Little League เธอใช้เวลาถ่ายภาพทั้งวัน ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กๆ สลับตำแหน่งกันโดยพลการ งานนี้อาจไม่ได้ให้รายได้อะไรมากมาย แต่สำหรับเด็กสาวมัธยมชาวเท็กซัสเงียบๆ คนนี้ ค่าแรง 10 เหรียญต่อชั่วโมงก็นับว่าดีมากแล้ว Dixie รักงานนี้มาก อย่างที่พวกเด็กๆ มักพูดกันว่าเธอเหมือนได้แต่งงานกับการถ่ายภาพ

กล้องของ Dixie เป็นเหมือนเครื่องมือสร้างความมั่นใจที่ช่วยให้เธอได้สัมผัสประสบการณ์ในงานปาร์ตี้ งานพบปะสังสรรค์ และการแข่งขันกีฬาทุกนัด กล้องเป็นเหมือนบัตรผ่านในการใช้ชีวิตของเธอ จนวันหนึ่งในปี 2003 โรงเรียน Klein High School Bearkats ก็เป็นจุดเริ่มต้น ตอนนั้นวงดนตรีหยุดเล่น บรรดาเชียร์ลีดเดอร์ก็ดูไร้ชีวิตชีวา แต่ด้วยภูมิปัญญาของความเป็นช่างภาพข่าวที่มี ทำให้ Dixie คิดว่าน่าจะจับภาพช่วงเวลาที่อยู่ตรงหน้าเธอ และแล้วเธอก็ปิ๊งไอเดีย

“ฉันกระตุ้นทุกคน” Dixon ย้อนนึกถึงอดีต “ฉันบอกว่า “ฉันอยากให้พวกเธอออกไปตรงนั้นและเชียร์กันให้เต็มที่!” พวกเด็กๆ ทำตามและฉันก็ถ่ายภาพช่วงเวลานั้นไว้ ฉันได้สร้างช่วงเวลาที่สำคัญ เหมือนอย่างที่ฉันทำตอนนี้ในงานแฟชั่น ภาพของฉันได้เป็นภาพปกของหนังสือรุ่นในปีนั้น ตอนนั้นเองที่ฉันตัดสินใจจะทำงานถ่ายภาพเป็นอาชีพ”

Dixon เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยและเลือกเอกสาขาธุรกิจ โทสาขาศิลปะ เธอหาเลี้ยงตนเองด้วยการเป็นผู้ช่วยช่างภาพทุกงานที่เธอหาได้ รวมทั้งการเป็นผู้ช่วยช่างภาพงานแต่งงาน วันหนึ่งเธอพิมพ์ค้นหาในกูเกิลว่า “เรียนต่อต่างประเทศด้านการถ่ายภาพแฟชั่น” และเพียงไม่นานโชคชะตาก็พาเธอไปสู่คอร์สเรียนสั้นๆ ร่วมกับช่างภาพระดับโลกในลอนดอน การถ่ายภาพแฟชั่นเป็นสิ่งที่ Dixon สนใจและต้องการมุ่งไปในสาขานี้ เธอกลับมาบ้านและลาออกจากงานถ่ายภาพงานแต่งงาน และแม้ว่าจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่เธอก็ได้ใช้เวลาในปีต่อมาเพื่อบ่มเพาะความรู้ด้านการถ่ายภาพแฟชั่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันรู้แล้วว่าตัวเองต้องการจะทำอะไร และฉันก็เพียงแค่ไล่ตามความฝันนั้น”

ผลของความพยายาม

Dixon สำเร็จการศึกษาโดยมีเงินเก็บจำนวน 10,000 ดอลลาร์ เธอนำเงินไปลงทุนกับกล้องดิจิทัล Nikon D70s แล้วเริ่มถ่ายภาพบุคคลซึ่งในไม่นานก็พัฒนาเป็น “ภาพถ่ายบุคคลระดับไฮเอนด์” ลูกค้าเริ่มขอให้เธอถ่ายภาพ “สไตล์แฟชั่น” ในการถ่ายภาพงานแต่งงานและการถ่ายภาพเจ้าสาว โดยพวกเขายินดีจ่ายเงินเพิ่ม อย่างไรก็ตาม Dixon แตกต่างจากช่างภาพรุ่นใหม่ทั่วไป เธอไม่ยอมนำงานของเธอขึ้นเผยแพร่ทางออนไลน์เพื่อแสดงเป็นตัวอย่างผลงาน เธอรู้ดีว่าเธอต้องการจะไปที่ไหนและเธอจะแสดงภาพต่อสาธารณะก็เพื่อนำเสนอตัวเองในฐานะช่างภาพแฟชั่นอย่างแท้จริง “กุญแจสำคัญในการเข้าสู่ตลาดเฉพาะกลุ่มที่ีคุณต้องการคือ คุณต้องแสดงผลงานในประเภทที่คุณต้องการจะถ่ายเท่านั้น” เธออธิบาย

หนึ่งปีที่นำเสนอตนเองในฐานะช่างภาพแฟชั่น เรื่องดีๆ ก็เกิดขึ้น นั่นคือ หลายคนเริ่มว่าจ้าง Dixon ให้มาถ่ายภาพแฟชั่น เธอวางแผนเพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ต้องการ แล้วกฎแห่งการดึงดูดก็ทำหน้าที่อย่างนั้นจริงๆ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้มาอยู่ในจุดที่ได้รับแต่งานที่เธอต้องการ จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นมาสู่การเป็นช่างภาพเซเลบระดับสากล

น่าสนใจที่ Dixon มองว่าการเลือกอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการมุ่งสู่ความสำเร็จ และเช่นเดียวกับบรรดาครีเอทีฟมืออาชีพอื่นๆ เธอต้องพบเจอความผิดพลาดครั้งใหญ่ในช่วงแรกๆ และต้องคอยระวังที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก ในช่วงปีแรกของการเริ่มต้นอาชีพ เธอเก็บงานทั้งหมดไว้ในฮาร์ดไดรฟ์แบบเก่าอันเดียว ซึ่งมีปัญหา งานที่ทำไว้ตลอดทั้งปีสูญหายไปในพริบตา เพราะเธอไม่ได้สำรองข้อมูลใดๆ Dixon ได้รับบทเรียนที่สอนเธอให้ต้องทำสำเนาข้อมูลสำรองไว้ แต่กลายเป็นว่าไดรฟ์อีกสองตัวที่สำรองข้อมูลก็เสียไปด้วย และทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทั่วไปไม่ใช่อุปกรณ์ที่วางใจได้และมีสิทธิเสียหายได้ทุกเมื่อ

“ฉันใช้ไดรฟ์อื่นๆ อีกเป็นโหลๆ กว่าจะได้พบกับ SanDisk Professional และ SanDisk ไดรฟ์ที่ฉันเคยใช้ล้วนแต่ทำงานช้ามากและไว้วางใจไม่ได้เลย” เธอเล่า “ไดรฟ์ SanDisk Professional ทำให้ฉันสบายใจได้ในที่สุด เนื่องจากมันเป็นฮาร์ดไดรฟ์ที่ดีที่สุดในท้องตลาดมาตลอด และจึงฉันมั่นใจเต็มที่ว่ามันจะจัดเก็บรูปภาพของฉันไว้ได้อย่างปลอดภัย” นอกจากนี้ฉันยังชอบที่อุปกรณ์พวกนี้ดูสวยมีสไตล์ เพราะส่วนหนึ่งของงานถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ก็คือ การมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในสถานที่ถ่ายทำให้แก่ลูกค้า เวลาฉันไปถึงสถานที่ด้วย MacBook Pro และ SanDisk Professional G-DRIVE SSD สองตัวนี้ ฉันดูเป็นมือโปรและคล่องตัวมากเลย ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจมาก ยิ่งประกอบกับรูปแบบการผลิตของคุณลูกค้าก็จะยิ่งเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของคุณ และพวกเขาจะพร้อมลงทุนให้กับความสามารถของคุณมากยิ่งขึ้น”

ในการทำงาน Dixon จะบันทึกข้อมูลลงใน SanDisk XQD Card หรือบันทึกลงเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่หลังจากนั้นเธอจะรีบสำรองข้อมูลไว้ในไดรฟ์ SanDisk Professional สองตัว เมื่อรวมผลงานในเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย เธอก็จะมีสำเนาสามชุดสำหรับการถ่ายภาพแต่ละครั้งในหนึ่งวัน

“ลูกค้ายอมลงทุนเพื่อให้คุณถ่ายภาพแคมเปญหรือภาพหน้าปกนิตยสารของพวกเขา” Dixon กล่าว “พวกเขาจ่ายเงินจำนวนมากสำหรับการถ่ายภาพในวันนั้น ดังนั้นฉันจึงต้องสำรองข้อมูลไว้เสมอ เพราะฉันไม่ต้องการให้ข้อมูลสูญหายอีก ฉันชอบประสิทธิภาพในการพกพา น้ำหนักที่เบามาก และความทนทานของไดรฟ์ SSD เวลาคุณถ่ายภาพในสถานที่ สิ่งที่สำคัญมากคือคุณต้องคล่องตัว”

เมื่อถ่ายภาพเสร็จ Dixon จะนำไดรฟ์ G-RAID Shuttle สองตัวของเธอออกมาใช้ ไม่เพียงแต่ไดรฟ์ทั้งสองจะทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์สำหรับสำรองข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น แต่ประสิทธิภาพที่สูงกว่ายังทำให้ G-RAID มีความสำคัญต่องานตัดต่อของ Dixon ด้วย อุปกรณ์นี้ยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีกเพราะตอนนี้เธอเริ่มหันมาถ่ายทำวิดีโอด้วย (เมื่อเร็วๆ นี้ Dixon ได้ทำโปรเจ็กต์วิดีโอที่สำคัญชิ้นแรกของเธอเสร็จ ซึ่งเป็นโฆษณาของสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association)) ด้วยเหตุนี้ Dixon จึงตื่นเต้นมากที่ได้เริ่มใช้ไดรฟ์ที่มีเทคโนโลยี Thunderbolt ของ SanDisk Professional เพื่อเพิ่มความจุและการทำงานที่รวดเร็วชั่วพริบตาเดียว “ยิ่งฉันต้องถ่ายวิดีโอมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งต้องใช้ Thunderbolt มากขึ้นเท่านั้น” เธออธิบาย “อุปกรณ์นี้ทำงานเร็วอย่างเหลือเชื่อ!”

หลังจากโปรเจ็กต์ของเธอผ่านการถ่ายทำและตัดต่อแล้ว Dixon จะเก็บงานแบบถาวรไว้ใน G-DRIVE ที่มีความจุสูง แต่ขั้นตอนนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปถ้างานของเธอหันไปเน้นที่การถ่ายวิดีโอมากขึ้น และเธอจำเป็นต้องมีความจุเพิ่มเติม แต่ตอนนี้ Dixon ชอบที่จะเก็บฮาร์ดแวร์ของเธอไว้ให้เล็กๆ และใช้อุปกรณ์พกพาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

วิธีการใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของ Dixon สะท้อนจริยธรรมการทำงานแบบมืออาชีพของเธอ (มีสไตล์ วางใจได้ เรียบง่าย) และหลักการของการมีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย Dixon ตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพและทุ่มเททุกอย่างในชีวิตของเธอเพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง Dixon ไม่มีแฟนที่เธอคบหาจริงๆ จังๆ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความจริงที่ย้อนแย้งสำหรับผู้หญิงที่พยายามจะดึง “ความโรแมนติก ความจริงใจ และความเย้ายวนใจ” ออกมาในงานถ่ายภาพแฟชั่นของเธอ (เห็นไหมล่ะว่า Dixon แต่งกับงานของเธอจริงๆ) แรงผลักดันเพียงหนึ่งเดียวของเธอนี้คือหัวใจของความสำเร็จ และทำให้เธอเชื่อมั่นเพียงแบรนด์เดียวให้จัดเก็บผลงานของเธอในปัจจุบัน นั่นคือ SanDisk Professional 

 “เมื่อคุณได้ทดลองมามากพอและในที่สุดก็พบว่าอะไรที่ใช้ได้ดี คุณจะยึดติดกับสิ่งนั้น” เธอกล่าว “ฉันพบว่างานถ่ายภาพแฟชั่นเป็นงานที่ลงตัวสำหรับฉัน มันเป็นงานที่สอดคล้องกับความเป็นฉัน ดังนั้นฉันจึงมุ่งเน้นที่อาชีพนี้ ฉันพบว่าไดรฟ์ SanDisk Professional ใช้งานได้ดีกับขั้นตอนการทำงานของฉัน โดยสามารถเชื่อถือได้อย่างเต็มที่และทำให้ฉันอุ่นใจเสมอ ดังนั้นฉันจึงยึดมั่นในผลิตภัณฑ์นี้เช่นกัน”

แอมบาสเดอร์ของ SanDisk Professional คือผู้นำในสาขาที่เกี่ยวข้องที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ SanDisk Professional ในการทำงานประจำวัน ตัวแทนของแบรนด์ SanDisk Professional ได้รับค่าตอบแทนสำหรับการมีส่วนร่วมของพวกเขา

ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก SanDisk Professional เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสำรองข้อมูลโดยรวม ขอแนะนำให้สำรองข้อมูลโดยทำสำเนาไฟล์ต่างๆ ที่สำคัญที่สุดตั้งแต่สองชุดขึ้นไป หรือจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์อื่นหรือบริการออนไลน์อยู่เสมอ

ตัวแทนแบรนด์คนอื่นๆ ของ SanDisk Professional